แนะนำบทความบริการ seo รับทำ seo ติดหน้าแรก google โดย CSLSEO

เริ่มโดย LinePC001, ก.ค. 29, 2021, 10:43 am

« หน้าที่แล้ว - ต่อไป »

LinePC001

CSLSEO.com ให้บริการ seo รับทำ seo ติดหน้าแรก Google
 
SEO สามตัวอักษรนี้ น่าจะเป็นคำที่หลายท่านคุ้นเคยหรือรู้จักกันดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีเว็บของตัวเองหรือรับทำเว็บก็ตาม เพราะนอกจากจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยทำให้ยอดจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นได้แล้ว SEO ยังมีความสำคัญกับเว็บไซต์มากชนิดที่กล่าวได้ว่า ถ้าเว็บไหนไม่มี หรือไม่ได้ทำ SEO ไว้ เว็บนั้นอาจต้องเตรียมปิดตัวลงในอีกไม่นานก็เป็นได้
 
SEO หรือ Search Engine Optimization คือ การปรับปรุงเว็บไซต์ (ทั้งหมด) ให้มีความเหมาะสมในการติดอันดับการทำการค้นหาของเครื่องมือค้นหายอดฮิตอย่าง Google แต่การที่จะส่งเสริมให้เว็บไซต์ของเราไต่ขึ้นไปอยู่อันดับแรกๆ ในหน้าการค้นหาหน้าแรกของ Google ได้นั้น จำเป็นที่่จะต้องการพัฒนาเว็บไซต์ในหลายๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็น Content (บทความ), ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์ หรือแม้กระทั่งโครงการของเว็บ ก็มีผลด้วยเช่นกัน
 
ก่อนอื่นลองนึกตามนะครับว่า ถ้าสมมุติว่า คุณอยากไปเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่ และเข้าไปค้นหาข้อมูลบน Google โดยใช้คำว่า "ที่พักเชียงใหม่" ซึ่งเป็น Keyword ในการค้นหา ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาก็คือ รายชื่อของของเว็บ ที่มีความเกี่ยวข้องกับ Keyword ที่ใช้ค้นหาไป ที่นี้พอจะนึกภาพออกใช่ไหมครับว่า ถ้าเว็บของเรา ถูก Google นำไปเสนอเป็นข้อมูลในการทำการค้นหาลำดับแรกๆ ให้กับผู้ที่ทำการค้นหา ก็จะยิ่งทำให้เว็บของเรามีจำนวนคนเข้าชมเว็บเพิ่มมากขึ้นด้วยนั้นเอง
 
อย่างที่ได้กล่าวไปว่า SEO สามารถช่วยเพิ่มปริมาณผู้เยี่ยมชมเว็บของเราให้มากขึ้นได้ เพราะฉะนั้นเมื่อมีคนเข้ามาบนเว็บไซต์ของเรามากเท่าไร โอกาสที่เราจะขายของก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นมากเท่านั้น ถ้าไม่เชื่อ! ลองมองดูโลกของเรื่องจริงที่ว่า ถ้าหากเราเปิดร้านขายของในแหล่งช้อปปิ้งยอดฮิต ที่มีผู้คนพลุกพล่าน ร้านค้าของเรา ก็จะมีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมมากเท่าใด และความน่าจะเป็นที่เราจะจำหน่ายสินค้าได้ก็มีมากตามไปด้วย ซึ่งโลกของอินเตอร์เน็ตก็เช่นกัน ถ้าเว็บของเราถูกจัดอันดับให้แสดงผลอยู่ในลำดับแรกๆ ของผลการค้นหา นั้นหมายถึง "ทำเลทอง" เพราะจะมีผู้เข้าชมคลิกเข้าสู่เว็บไซต์ของเราเยอะแยะ และโอกาสที่จะเปลี่ยนให้ผู้เยี่ยมชมเหล่านั้นกลายเป็นลูกค้าก็มีมากตามไปด้วย
 
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า การทำ SEO กับเว็บในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่สำคัญ และจำเป็นเป็นอย่างมาก จนน่าจะเป็นสิ่งตัดขาดจากกันไม่ได้ซะแล้ว โดยเฉพาะคนที่ต้องการทำธุรกิจร้านค้าบนเว็บไซต์ด้วยแล้ว ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับ SEO เป็นอย่างมาก เพราะสามารถทำให้ธุรกิจคุณดังและปังได้ทันทีในพริบตา
 
 
ในอดีตที่ผ่านมาร้านค้าออนไลน์ บริษัท หรือองค์กร มีเว็บเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือเท่านั้น โดยไม่ได้คำนึงถึงการใช้ประโยชน์ของเว็บไซต์อย่างเต็มที่ ทำให้ไม่เกิดความคุ้มค่าในการลงทุนทำเว็บไซต์ แต่ในปัจจุบันนี้ทุกๆ คนสามารถเข้าถึงเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้อย่างแพร่หลาย ทุกที่ทุกเวลา ทำให้ร้านค้า บริษัทหรือองค์กรต่างๆ เห็นคุณค่าถึงความสำคัญของการทำเว็บเพื่อเปิดหนทาง ทางการค้ามากขึ้น จึงทำให้สมัยนี้มีเว็บไซต์เกิดขึ้นเยอะแยะ การที่ทุกๆ คนจะจดจำ URL (Uniform Resource Locator) ของแต่ละเว็บไซต์นั้น ดูจะเป็นเรื่องที่ยากซะเหลือเกิน จึงมีความจำเป็นต้องพึ่ง Search Engine เข้ามาช่วยในการสร้างความจดจำ และง่ายต่อการเข้าถึงเว็บไซต์
 
Google Search คือ โปรแกรมที่ช่วยในการสืบค้นข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต โดยผู้ใช้จะต้องกรอกคำสำคัญ (Keyword) ในการค้นหา จากนั้น Google Search จะแสดงผลการค้นหาออกมา เป็นเว็บไซต์หลายๆ เว็บไซต์ ที่มีความเกี่ยวข้องกับ Keyword นั้น นั่นก็มีความหมายว่า เว็บที่แสดงผลในอันดับแรกๆ ของ Search Engine ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดทั่วโลกอย่าง Google ก็จะมีคนคลิกเข้าไปดูเว็บนั้นเป็นจำนวนมาก เมื่อมีคนเข้าชมเว็บไซต์เป็นจำนวนไม่น้อย จึงทำให้เกิดประโยชน์ตามมามากมาย เช่น การจำหน่ายสินค้าหรือบริการ การขายโฆษณา การโปรโมทเว็บไซต์ไซต์ เป็นต้น ในทางกลับกัน ถ้าคุณมีเว็บ แต่เว็บไซต์ของคุณไม่ได้แสดงผลอยู่ใน Search Engine แล้วล่ะก็ เว็บไซต์ของคุณก็ไม่ต่างอะไรกับเว็บไซต์ร้าง ที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ เลย ด้วยเหตุผลนี้เอง เว็บไซต์ต่างๆ ย่อมต้องการให้เว็บของตัวเอง ติดอยู่ในอันดับแรกๆของ Search Engine จึงเป็นที่มาของการทำ SEO นั่นเอง
 
SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization หมายถึง การจัดทำหรือปรับปรุงเว็บให้แสดงผลเป็นอันดับแรกๆ ของการค้นหาใน Search Engine ใน Keyword ที่เหมาะสมและตรงตามวัตถุประสงค์ของเว็บไซต์ เพื่อให้อยู่ในระดับมุมมอง และสามารถดึงดูดความสนอกสนใจจากลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
 
 
 
SEO คืออะไร? ดันเว็บไซต์ติดหน้าแรก Google ไม่ยากอย่างที่คิด
 
SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization คือกลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ประเภทหนึ่งที่เน้นการปรับแต่งเว็บไซต์และ Content ต่าง ๆ ให้ถูกใจระบบผลการค้นหาของ Google หรือที่เราเรียกกันว่า Search Engine (Google Search อื่นๆ นอกจาก Google เช่น Yahoo, Bing เป็นต้น)
 
เพื่อทำให้หน้าเว็บธุรกิจของเราติดหน้าแรกของผลการค้นหา ส่งผลให้เพิ่มการมองเห็นแบบ Organic Traffic (ยอดเข้าชมเว็บโดยไม่มีรายจ่าย) เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น และประโยชน์อีกเยอะแยะที่ธุรกิจคุณควรเริ่มทำ SEO ซึ่งข่าวดีของคนที่ชอบการทำ SEO คือ มันฟรี!! แต่จะต้องเข้าใจกันก่อนว่าการทำ SEO ให้ติดหน้าแรกนั้นต้องใช้เวลาระดับหนึ่ง
 
ซึ่งบางท่านอาจจะใช้เวลาถึง 6 เดือน หรือบางคนก็ต้องใช้เวลาเป็นปี แต่รับประกันว่าหากท่านได้พื้นที่อันดับ 1 มาครองบนหน้าผลการค้นหาของ Google ยอดจัดจำหน่ายของคุณจะสูงขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว และสิ่งสำคัญที่สุดคือความสม่ำเสมอ เพราะจุดมุ่งหมายของการทำ SEO ไม่ใช่เพียงแค่ทำให้เว็บติดอันดับเท่านั้น แต่รวมถึงการบำรุงรักษาอันดับให้คงไว้ที่เดิมและไม่ทำให้ตกอันดับ ถ้าหากเราหยุดทำ SEO เมื่อไหร่ก็มีความเป็นไปได้ว่าเว็บไซต์ฝ่ายตรงข้ามของเราจะเข้ามาแทนที่
 
แล้ว SEO ที่เราพูดถึงนี้คืออะไรกันแน่ มีขั้นตอนการทำงานอย่างไรบ้าง หากท่านใคร่รู้ ทีม CSLSEO จะมาคุยให้ฟัง
 
 
ทำความรู้จัก Google Search เหตุผลที่หลายธุรกิจอยากได้ทำ SEO
 
เมื่อเราอยากจะทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จ เรามีความจำเป็นจะต้องรู้เสียก่อนว่า Search Engine มีการทำงานอย่างไร ซึ่งเป็นเหมือนปัจจัยหลักของกลยุทธ์การตลาดในครั้งนี้
 
หน้าที่หลักของ Search Engine อย่าง Google คือการค้นหาข้อมูลที่มีอยู่มากมายก่ายกองบนโลกอินเตอร์เน็ตมาจัดเรียงลำดับความเกี่ยวข้อง เพื่อทำให้ผู้ค้นหา (Searchers) เกิดความพึงพอใจต่อการค้นหามากที่สุด ส่วนมากแล้วคนที่จะเข้ามาใช้ Google Search นั้นมีเป้าหมายเพื่ออยากได้หาผลลัพธ์ให้กับอะไรสักอย่าง โดยใช้เวลาในการค้นหาน้อยที่สุด จึงทำให้ความเร็วของผลการค้นหา, ความสัมพันธ์ของบทความ, ประสบการณ์การใช้งาน และความน่าไว้วางใจ เป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งาน
 
แล้ว Google Search ใช้วิธีอะไรในการจัดเก็บข้อมูล และจัดเรียงอันดับเว็บไซต์? เราสามารถแบ่งการทำงานของ Google Search ได้เป็น 3 กระบวนการด้วยกัน คือ
 
1. Crawling (การเก็บข้อมูล): กรรมวิธีการค้นหา ที่จะส่ง Bot (Crawler or Spider) ท่องไปตามหน้าเว็บต่างๆ เพื่อรวบรวมข้อมูลตั้งแต่หน้าเว็บไซต์, URLs, หัวข้อ, บทความ, รูปภาพ , วิดีโอ และอื่นๆ จนทั่วเว็บ เมื่อสแกนเว็บหนึ่งจนเสร็จ ตัว Bot นี้จะทำการค้นหาลิงค์ต่าง ๆ ในหน้าเว็บที่เราได้ทำการเชื่อมต่อกับเว็บไซต์อื่นเอาไว้ และเข้าไปในเว็บนั้นเพื่อทำการสแกนต่อไปเรื่อย ๆ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Google Search สามารถเก็บข้อมูลสดใหม่บนอินเทอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็ว
 
2. อินเด็กซ์ing (ทำดัชนี): หลังจากทำการสแกนข้อมูลเว็บจนเสร็จสิ้น ระบบจะทำการ อินเด็กซ์ing หรือการเก็บข้อมูลทั้งหมดไว้ในคลัง ซึ่งการ อินเด็กซ์ เปรียบเสมือนห้องสมุดที่รวบรวมเว็บทั้งหมดไว้ในที่เดียว ทุกเว็บที่อยากได้แสดงอยู่บนผลการค้นหา จำเป็นจะต้องผ่านระบบการ อินเด็กซ์ing ของ Search Engine เสียก่อน
 
3. Ranking (ค้นหาและจัดอันดับ): สุดท้ายเมื่อผู้ค้นหาเริ่มทำการค้นหาข้อมูล Google Search จะทำการหาข้อมูลเว็บที่มีความเกี่ยวข้องมากที่สุด จากคลัง อินเด็กซ์ แล้วนำมาแสดงผลให้ผู้ค้นหาเห็นในหน้าผลการค้นหา ซึ่งอันดับที่เราเห็นในหน้าผลการค้นหาตอนเรา Search เราเรียกกันว่าการ Ranking ซึ่งปัจจัยในการจัดอันดับของ Google ประกอบด้วยหลายอย่างด้วยกัน เช่น Keyword, URLs, ความน่าเชื่อถือและ อื่นๆ
 
 
ความรู้ SEO ขั้นพื้นฐาน
เริ่มสร้างเว็บไซต์ขึ้นหน้าแรก Google เพียง 4 แนวทาง
 
1. ค้นหา Keyword ที่ใช่สำหรับธุรกิจคุณ
 
เพื่อเชื่อมต่อการเข้าถึงระหว่างเว็บไซต์ และผู้ค้นหา เรามีความจำเป็นจะต้องมี "Keyword" (คีย์เวิร์ด) เป็นคล้าย GPS นำทางผู้ค้นหามาเจอเว็บไซต์ของเรา หากเราสังเกตเมื่อเราใส่ คำ หรือวลี อะไรก็ตามลงในช่องการค้นหา เราจะเห็นหัวข้อที่มีคำเดียวกับการทำการค้นหาของเราเสมอ
 
แบบอย่างจากในภาพ เมื่อเราลอง Search คำว่า "SEO คืออะไร" ซึ่งก็คือ Keyword ของเรา หน้าผลการค้นหาของเราจะแสดงคอนเทนต์ที่มีความสอดคล้อง และเว็บที่มีโอกาสจะตอบสนองความต้องการของเรามากที่สุด เว็บชั้นนำต่าง ๆ ที่แสดงอยู่หน้าแรกก็จะนำ Keyword (SEO คืออะไร) เข้าไปอยู่ในเนื้อหา และหัวข้อ (กรอบสีเขียว) เพื่อทำให้ Google เข้าใจว่าเนื้อหาของเรามีความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่คนกำลังทำการค้นหา
 
ซึ่งหากจะพูดให้เข้าใจง่ายก็คือ Keyword เหมือนความปรารถนาของผู้ค้นหานั่นเอง ส่วนคนทำเนื้อหาหรือแบรนด์อย่างเราก็ต้องทำให้เว็บไซต์ของเราตอบสนองความต้องการ โดยการใช้ Keyword ด้วยเหตุนี้หากต้องการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับหน้าแรกของ Google การค้นหา Keyword ที่มีประสิทธิผลจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก
 
การทำการค้นหา Keyword เป็นเพียงขั้นตอนแรกของการทำ SEO เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเจอเว็บไซต์ของเราได้ง่ายขึ้นเท่านั้น จนทำให้เกิดเป็น Organic Traffic
 
 
2. ปรับโครงสร้างเว็บไซต์ (Structure) เข้าใจง่ายทั้งยูสเซอร์และ Google Search
 
ภายหลังเมื่อเราสามารถนำยูสเซอร์เข้ามาเว็บไซต์เราได้แล้ว เราต้องมั่นใจว่าเว็บของเรามีโครงสร้างที่ดีพอจะทำให้ผู้ค้นหาสนใจ และอยู่ในหน้านั้นๆ ต่อเป็นเวลานาน เพราะ Organic Traffic ที่เข้ามาจะกลายเป็น High Quality Traffic (คงอยู่เว็บเป็นเวลานานจนสามารถเปลี่ยนเป็นยอดจัดจำหน่าย) หรือ Poor Quality Traffic (เข้ามาและกดออกจนทำให้เกิด Bounce Rate หรือไม่เกิดยอดจำหน่าย) จะขึ้นอยู่กับความน่าใช้งานของเว็บเรา
 
ทั้งนี้การดีไซน์โครงสร้าง SEO เว็บไซต์ที่ดีจะทำให้ Search Engine Bot ทำงานได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะทำให้ระบบ Bot สามารถเข้าถึงและ อินเด็กซ์ ข้อมูลบนเว็บได้อย่างรวดเร็ว โครงสร้างของเว็บไซต์จะเป็นเหมือนผู้นำทัวร์ให้ Bot ของ Google Search และ ผู้ค้นหาได้พบสิ่งที่ต้องการได้อย่างสะดวก ส่งผลทำให้เกิด UX (User Experience) หรือประสบการณ์สำหรับใช้งานที่ดีต่อผู้ค้นหาเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม (UX เป็นปัจจัยหนึ่งที่สามารถทำให้ผู้ใช้งานอยู่เว็บไซต์เรานานขึ้นและช่วยในเรื่อง Ranking)
 
หนึ่งตัวอย่างของการสร้างเว็บ SEO ที่ดีคือ การแบ่งหมวดหมู่และหัวข้อของคอนเทนต์ต่างๆ อย่างชัดเจนเพื่อความง่ายต่อการค้นหา ซึ่งจากรูปภาพด้านบนจะสังเกตได้ว่าเว็บนี้ มีหัวข้อใหญ่อยู่ด้านซ้ายมือ และเมื่อเข้ามาจะเจอกับหัวข้อย่อยต่างๆ ทำให้การทำการค้นหาคอนเทนต์ที่อยากได้สำหรับผู้ค้นหาสามารถทำตามได้ง่าย ทั้งนี้หากเราสามารถใส่ Keyword เข้าไปในแต่ละหัวข้อได้ ก็จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำ SEO ของเรา แต่ Keyword นั้นจำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับเนื้อหาด้วย หากใส่ Keyword แล้วคำดูแปลก หรือดูคล้ายตั้งใจมากจนเกินพอดีจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
 
นอกจากนี้ การสร้างเว็บไซต์ที่มีประสิทธิผลยังมีวิธีที่หลากหลาย เช่น การเพิ่มความเร็วของเว็บไซต์, การทำ Sitemap, การปรับ URLs เป็นต้น จำเอาไว้ว่าสิ่งสำคัญที่เราควรนึกถึงอยู่ตลอดเวลาเมื่อต้องการทำ SEO เว็บนั้นก็คือ ประสบการณ์ที่ดีของผู้ใช้งาน (User Experience)
 
 
3.  On-Page Optimization
 
การทำ On-Page Optimization คือการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล SEO ในหน้าเว็บเพจของเรา เพื่อเชื่อมั่นว่าหน้าเว็บไซต์นั้น ๆ สามารถไต่อันดับหน้าผลการค้นหาให้อยู่เหนือฝ่ายตรงข้ามในตลาดได้ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ Tittle Tag, Heading, Alt-Text สำหรับรูปภาพ และ Meta Description เป็นต้น ซึ่งหัวใจสำคัญของการทำ On-Page Optimization ให้สำเร็จนั้นคือ คุณภาพเนื้อหา และ Keyword เช่นการเขียนบล็อก และปรับบทความเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อ SEO อย่างสูงสุด
 
เราสามารถเริ่มการทำ On-Page Optimization จากการปรับ Title Tag, Meta Description, Heading, Alt Text, URLs โดยการสอด Keyword เข้าไปในส่วนต่างๆ เป็นต้น
 
- Title Tag: หัวข้อคอนเทนต์ที่เราอยากได้ให้แสดงอยู่บนหน้าผลการค้นหาของ Google เราควรใช้เวลาในการคิดชื่อหัวข้อให้น่าสนใจ เพราะจะทำให้เกิดปริมาณคลิกเข้าเว็บไซต์มากที่สุด
 
- Meta Description: คำบรรยายสั้นๆ เพียง 140 ตัวอักษรที่ปรากฏอยู่บนหน้าผลการค้นหาของ Google เป็นคำชี้แจงเพิ่มจาก Title Tag ว่าหากผู้ค้นทำการคลิ๊กเข้ามาหน้าเว็บเขาจะเจอ Content แบบไหน Meta Description ควรเป็นบทความพูดถึงเหตุผลว่า ทำไมผู้ค้นหาควรจะเข้ามาเว็บไซต์ของเรามากกว่าเว็บฝ่ายตรงข้าม
 
- Heading: หัวข้อต่างๆ บนหน้าเว็บเพจ ซึ่งแบ่งออกเป็น H1 - H6 ซึ่ง H1 แสดงถึงหัวข้อหลักของเนื้อหา เราควรมีหัวข้อหลักเพียงหนึ่งหัวข้อเท่านั้น เพื่อไม่ทำให้เกิดการงงๆของยูสเซอร์และ Google Search Bots ส่วน H2-H6 แสดงถึงหัวข้อย่อยตามคิว
 
- Alt-Text: Keyword ที่เราสามารถสอดแทรกเข้าไปในรูปภาพ เพื่อเพิ่มความน่าจะเป็นการค้นหา Keyword จากรูปภาพ เคยสงสัยไหมว่าหน้าผลการค้นหาแบบรูปภาพของ Google นำข้อมูลอะไรมาดูว่าแต่ละภาพ มีความสอดคล้องกับสิ่งที่เราค้นหา คำตอบก็คือ Alt-Text หรือ Keyword ในรูปภาพนั่นเอง
 
- URLs: เราสามารถปรับลิงค์ URLs บนเว็บไซต์ให้มีความสัมพันธ์กับคีย์เวิร์ดได้จากการสอดแทรก Keyword ลงไปในส่วนด้านหลังชื่อ Domain หลัก
 
 
4. Off-Page Optimization
 
ในทางกลับกัน Off-Page Optimization คือการเพิ่มประสิทธิภาพ SEO นอกเว็บไซต์ ซึ่งหมายถึงการที่มี Link ของเราจากเว็บไซต์อื่น ๆ อ้างอิงถึงเรา หรือพูดถึงเรา เหมือนหน้าร้าน ที่มีลูกค้าพอใจสินค้าของเรา พวกเขาก็จะบอกต่อให้ผู้อื่นได้รับรู้และแนะนำให้เข้ามาที่ร้านของเรา การทำ Off-Page Optimization จะอยู่ในหลักการเดียวกัน ยิ่งมีเว็บไซต์ข้างนอก Link เข้ามาหาเว็บไซต์ของเรามากเท่าไหร่ ความน่าไว้วางใจที่ Google มีต่อเว็บของเราจะมากขึ้นเท่านั้น
 
หัวใจหลักของการทำ Off-Page Optimization คือการสร้าง Link ที่มีประสิทธิภาพเชื่อมโยงกลับมาหาเว็บไซต์ของเรา หรือที่เรากันว่า Backlink นั่นเอง
 
การทำ Backlink ที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุดคือการเขียนคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้งานมากจนเป็นที่พูดถึง และยูสเซอร์จะนำ Link ของเราไปอ้างอิงด้วยตัวเอง ซึ่งวิธีนี้คือการทำ Backlink แบบธรรมชาติ แต่การจะทำให้ Content ของเราถูกบอกต่อในโลกที่มีเนื้อหาอย่างมหาศาลในอินเตอร์เนต เป็นเรื่องที่ยากมากๆ หากเราไม่เจ๋งจริง
 
ดังนั้น เราสามารถเริ่มการสร้าง Backlink ได้จากการเขียน Content ลงบนเว็บบอร์ด หรือกระทู้ที่มีเนื้อหาสัมพันธ์กับเว็บของเราและสร้าง Link กลับมาหาเว็บไซต์ อีกทั้งวิธีหนึ่งที่เราคงจะคุ้นเคยกันดีคือ หนทาง Social Media ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Youtube, Twitter etc. แชร์ Content ของเราผ่านแนวทางเหล่านี้สามารถเพิ่ม Organic Traffic ได้เป็นอย่างดี
 
https://cslseo.com